ดอกไม้ประจำชาติไทย
“ดอกราชพฤกษ์”
สวัสดีค่ะวันนี้จะพาทุกคนมารู้จักกับดอกราชพฤกษ์ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติไทยของเรานี่เองไปดูกันเลยค่ะ
กว่าจะเป็นดอกไม้งามประจำชาติไทย
อย่างที่ทราบกันดีนะค่ะว่าดอกไม้ประจำชาติของเรานั้นคือ “ดอกราชพฤกษ์” หรือดอกคูณ หรือดอกลมแล้ง (ชื่อทางภาคเหนือ) หรือดอกลักเกลือ,ลักเคย (ชื่อทางภาคใต้) ส่วนชื่อราชพฤกษ์นั้น ก็แปลได้ว่าต้นไม้ของราชา ซึ่งต้นไม้ชนิดนี้เรามักจะเห็นชินตาสองข้างทางตามถนนสายต่างๆ ยิ่งในช่วงที่ออกดอกเหลืองสะพรั่งยิ่งเพิ่มความสวยงามให้กับถนนหนทางเป็นอย่างมากทีเดียว เราอาจจะมองว่าราชพฤกษ์นั้นเป็นต้นไม้ใหญ่ปลูกเพื่อความสวยงามแต่เพียงอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วต้นไม้ชนิดนี้มีสรรพคุณมากมาย เช่น ใช้รักษาท้องร่วง ใช้เป็นยาระบาย ใช้รักษาแผล แผลติดเชื้อ แผลในปาก และรักษาสุขภาพฟัน เป็นต้น แต่รู้หรือไม่ว่าดอกคูนนั้นเพิ่งได้รับการยกให้เป็นดอกไม้ประจำชาติอย่างจริงจังเมื่อไม่นานนี้เอง
กว่าจะเป็นดอกไม้งามประจำชาติไทย
อย่างที่ทราบกันดีนะค่ะว่าดอกไม้ประจำชาติของเรานั้นคือ “ดอกราชพฤกษ์” หรือดอกคูณ หรือดอกลมแล้ง (ชื่อทางภาคเหนือ) หรือดอกลักเกลือ,ลักเคย (ชื่อทางภาคใต้) ส่วนชื่อราชพฤกษ์นั้น ก็แปลได้ว่าต้นไม้ของราชา ซึ่งต้นไม้ชนิดนี้เรามักจะเห็นชินตาสองข้างทางตามถนนสายต่างๆ ยิ่งในช่วงที่ออกดอกเหลืองสะพรั่งยิ่งเพิ่มความสวยงามให้กับถนนหนทางเป็นอย่างมากทีเดียว เราอาจจะมองว่าราชพฤกษ์นั้นเป็นต้นไม้ใหญ่ปลูกเพื่อความสวยงามแต่เพียงอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วต้นไม้ชนิดนี้มีสรรพคุณมากมาย เช่น ใช้รักษาท้องร่วง ใช้เป็นยาระบาย ใช้รักษาแผล แผลติดเชื้อ แผลในปาก และรักษาสุขภาพฟัน เป็นต้น แต่รู้หรือไม่ว่าดอกคูนนั้นเพิ่งได้รับการยกให้เป็นดอกไม้ประจำชาติอย่างจริงจังเมื่อไม่นานนี้เอง
จากการตรวจค้นที่มาที่ไปของต้นไม้ชนิดนี้ ทำให้ทราบว่า ราชพฤกษ์เป็นต้นไม้พื้นเมืองของทางฝากเอเชียใต้ ไล่ตั้งแต่ปากีสถาน อินเดีย พม่า จนมาถึง ศรีลังกา ซึ่งจะนิยมปลูกกันมากในเขตร้อน และแน่นอนบ้านเราก็ร้อนจนต้นไม้ต่างถิ่นชนิดนี้สามารถเติบโตได้ดี ซึ่งต้นราชพฤกษ์ยังเติบโตได้ดีในที่โล่งแจ้งอีกด้วยทำให้เหมาะเหลือเกินที่จะนำมาปลูกไว้ข้างทางหรือตามถนนสายหลัก ซึ่งสัดส่วนของต้นราชพฤกษ์ถือว่าไม่ใช่ต้นไม้ใหญ่มาก จัดอยู่จำพวกขนาดกลาง สูงประมาณ 10-20 เมตร
ออกดอกเป็นช่อสีเหลืองอร่าม แต่ละช่อยาวประมาณ 20-40 เซนติเมตร ช่อไหนขนาดใหญ่ๆ จะเห็นแจ่มมาแต่ไกล สวยสุดๆ โดยกลีบดอกจะมี 5 กลีบ ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นผลของต้นราชพฤกษ์ที่ยาวประมาณ 30-60 เซนติเมตร ใครอย่าริลองไปเก็บผลมากินกันละเตือนไว้ก่อนเพราะมันมีพิษ หากได้ดมจะรู้ว่าเป็นดอกที่มีกลิ่นฉุนอารมณ์ประมาณสวยแต่รูปจูบไม่หอม
พ.ศ. 2495 จุดเริ่มของดอกไม้ประจำชาติ
ความเป็นมาเป็นกว่าจะเป็นดอกไม้ประขำชาติของเราอาจฟังดูซับซ้อนไปหน่อย แต่พอจะอธิบายคร่าวๆ ได้ทำนองนี้ ว่า เรื่องนี้คงต้องย้อนกลับไปในปี 2495 กรมป่าไม้ได้ชักชวนให้ประชาชนสนใจต้นราชพฤกษ์ เพราะด้วยความสวยงามและประโยชน์ของมัน ซึ่งในปีนี้เองทางรัฐบาลได้ตั้งให้วันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ พร้อมกับมีการเสนอให้ต้นราชพฤกษ์เป็นต้นไม้ประจำชาติ ตรงนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้ในอีกหลายปีต่อมาดอกราชพฤกษ์จึงได้กลายเป็นดอกไม้ประจำชาติ แต่ท้ายที่สุดในปี พ.ศ. 2495 ที่สุดแล้วก็ไม่มีข้อสรุปอย่างเป็นทางการ นั่นเองก็ทำให้ต้นราชพฤกษ์ยังคงไม่ได้รับการยกให้เป็นต้นไม้ประจำชาติและแน่นอนว่าดอกราชพฤกษ์ก็คงยังไม่ได้รับการสนใจให้เป็นดอกไม้ประจำชาติ
พ.ศ.2506 ต้นราชพฤกษ์สัญลักษณ์ชาติ
ในปีดังกล่าวมีการประชุมเพื่อกำหนดสัญลักษณ์ต้นไม้และสัตว์ประจำชาติเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยกรมป่าไม้ได้เสนอให้ ต้นราชพฤกษ์ หรือต้นคูณไม้มงคลที่มีประโยชน์และรู้จักกันอย่างแพร่หลายเป็นต้นไม้ประจำชาติ สำหรับสัตว์ประจำชาติก็คือ ช้างเผือก สัตว์ที่มีคุณค่าเกี่ยวข้องกับประเพณีไทยและประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน การเสนอครั้งนั้นไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นไทยจึงมีหลากหลาย ตั้งแต่สถานที่สำคัญๆ สัตว์ ดอกไม้ ที่คนไทยคุ้นเคยและพบเห็นบ่อย เช่น พระปรางค์วัดอรุณฯ เรือสุพรรณหงส์ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุทธรักษา แมวไทย เช่นเดียวกับ ต้นราชพฤกษ์ และ ช้างเผือก ยังคงถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติตลอดมา
พ.ศ.2530 ความงดงามเริ่มผลิบาน
ถัดจากนั้นมากว่า 10 ปี คนไทยต่างรู้กันบ้างว่า ต้นราชพฤกษ์ถือเป็นสัญลักษณ์ชาติในฝากของด้านธรรมชาติ แต่ทว่าในปีนี้ พ.ศ.2530 ยิ่งตอกย้ำถึงความชัดเจนของต้นต้นราชพฤกษ์ยิ่งขึ้นว่ามีความสำคัญต่อชาติ ด้วยรัฐบาลได้มีการส่งเสริมให้ปลูกต้นราชพฤกษ์อีกครั้ง เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยมีการส่งเสริมให้ปลูกต้นราชพฤกษ์ทั่วประเทศจำนวน 99,999 ต้น ซึ่งแน่นอนว่านี้คือการปลูกต้นราชพฤกษ์ครั้งยิ่งใหญ่เพื่อถวายพ่อหลวงซึ่งทราบกันดีว่าดอกราชพฤกษ์มีสีเหลืองซึ่งเป็นสีประจำพระองค์ ทำให้ทุกวันนี้จึงมีต้นราชพฤกษ์อยู่มากมายทั่วประเทศไทย และนั่นเองเป็นเหตุผลให้ในอีกหลายปีต่อมา ดอกราชพฤกษ์จึงเข้ามามีบทบาทในสังคมมากกว่าในอดีต เพราะถือเป็นดอกไม้ที่มีความหมายที่ดีงาม
พ.ศ.2544 ถึงเวลาผลิบานเป็นดอกไม้ประจำชาติ
เรื่องของดอกไม้ประจำชาติมาชัดเจนเมื่อกระทั่งปี พ.ศ.2544 โดยคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้นำเรื่องดังกล่าวกลับมาเสนอใหม่อีกครั้ง และมีข้อสรุปเสนอให้มีการกำหนดสัญลักษณ์ประจำชาติ 3 สิ่งคือ ดอกไม้ สัตว์และสถาปัตยกรรม และการพิจารณาที่ผ่านมาเสนอให้กำหนดดอกไม้ประจำชาติเป็น ดอกราชพฤกษ์ และสัตว์ประจำชาติ คือ ช้างไทย สุดท้ายสถาปัตยกรรมประจำชาติคือ ศาลาไทย
เหตุที่เลือก ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติเพราะมีความเหมาะสมในหลายๆ ด้านคือเป็นต้นไม้ที่มีอายุยืน ทนทาน ปลูกขึ้นได้ดีทั่วทุกภาคของประเทศ เป็นต้นไม้พื้นเมืองที่รู้จักแพร่หลาย มีชื่อเรียกหลายชื่อต่างกันในแต่ละภาค อย่างที่ได้บอกไปแล้วเมื่อตอนต้น และราชพฤกษ์ยังเป็นไม้มงคลใช้ประโยชน์ในพิธีสำคัญๆ เช่น ลงหลักเมือง ลงเสาเอก ทำคฑาจอมพลและยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร รวมทั้งเป็นสีเดียวกับวันพระราชสมภพของ รัชกาลที่ 9 ซึ่งถือว่าเป็นสีมงคลนั่นเอง
และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดกว่าจะเป็นดอกไม้งามประจำชาติไทยของเราค่ะ…
ที่มา:http://spectrumdigitalmag.com/2017/01/01/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%81/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น