ดอกไม้ประจำชาติกายอานา
ดอกบัววิกตอเรีย
สวัสดีค่ะเราจะพาทุกคนไปรู้จักกับดอกบัววิกตอเรียเป็นดอกไม้ประจำชาติกายอานาไปดูกันเลยค่ะ
ชื่อวิทยาศาสตร์: Victoria Amazonica
ชื่อสามัญ: Victoria
ชื่อวงศ์: Nympheaceae
ชื่ออื่นๆ: Amazon Water Lily, Royal Water Lily, บัววิกตอเรีย, บัวกระด้ง
ชื่อสามัญ: Victoria
ชื่อวงศ์: Nympheaceae
ชื่ออื่นๆ: Amazon Water Lily, Royal Water Lily, บัววิกตอเรีย, บัวกระด้ง
บัวกระด้ง หรือเรียก บัววิคตอเรีย เป็นพืชน้ำล้มลุกหลายฤดูที่มีขนาดใหญ่กว่าบัวทุกชนิด มีถิ่นกำเนิดมากจากอเมริกาใต้ มีลำต้นเป็นหัวอยู่ในดินใต้น้ำ มีรากอวบขาวที่ช่วยยึดพื้นดินไว้มากมาย ก้านใบมีหนามและยาวโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำรองรับใบเอาไว้ เหตุที่เรียกว่า บัวกระด้ง เพราะใบมีลักษณะเป็นรูปวงกลม มีความกว้างประมาณ 1-2 เมตร ส่วนของขอบใบจะยกตั้งขึ้นประมาณ 2-4 นิ้ว เหมือนกระด้ง ออกเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับกันแบบถี่ๆ ด้านบนใบเมื่อยังอ่อนอยู่จะเป็นสีน้ำตาล เมื่อแก่จะมีสีเขียวสด ใบด้านล่างมีสีน้ำตาลแดง และมีหนามอยู่ทั่วตั้งแต่ส่วนที่พับเป็นขอบจนถึงส่วนที่อยู่ในน้ำ ดอก มักออกเป็นดอกเดี่ยวๆ เมื่อเริ่มมีดอกให้เห็นในช่วงแรกๆ จะเป็นสีขาว ต่อมาจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู ชมพูเข้ม หรือสีม่วงแดง ตามระยะเวลา มีกลีบดอกเรียงซ้อนกันจำนวนมาก ดอกที่บานแล้วจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางดอกประมาณ 20-30 ซม. กาบหุ้มดอกด้านนอกจะมีหนาม ชูดอกให้บานอยู่ด้านบน ดอกบัวชนิดนี้จะมีกลิ่นหอมแรงในช่วงกลางคืน ในช่วงพลบค่ำจนถึงเช้าดอกมักจะบานให้เห็น สามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี ฝักหรือผลของบัวชนิดนี้ มีรูปร่างค่อนข้างกลม มีหนาม เปลือกหนา ภายในฝักบัวจะมีเมล็ดขนาดประมาณ 0.5-1 ซม. รูปทรงกลม ผิวเรียบเป็นมัน เมล็ดจะมีสีขาวเมื่อยังอ่อน แล้วจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียว จนกลายเป็นสีดำเมื่อแก่จัด
การปลูกบัวกระด้งหรือบัววิคตอเรียสามารถทำได้ 4 วิธี คือ
1. การเพาะขยายพันธุ์บนบกด้วยกระถาง
ใช้กระถางพลาสติกหรือกระถางดินเผาที่ไม่มีรู มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 30 เซนติเมตร นำปุ๋ยคอกผสมดินปลูกที่ได้จากก้นบ่อธรรมชาติใส่ลงไปประมาณ ¾ ของกระถางปลูก จากนั้นก็ใส่น้ำให้เต็มล้นกระถาง โรยเมล็ดลงไปประมาณ 3-5 เมล็ด แล้วนำไปวางไว้ใต้ต้นไม้ที่มีแสงแดดรำไร ควรให้น้ำที่สะอาดเติมให้เต็มกระถางอยู่ตลอดเวลา ไม่ควรให้ปุ๋ยคอกมากเกินไป เก็บใบไม้ที่ร่วงทับถมเน่าเสียออกเสมอ เมื่อเมล็ดงอกขึ้นมามากกว่า 1 เมล็ดให้แยกปลูกในกระถางใหม่หรือกำจัดทิ้งเสีย และเมื่อเมล็ดแทงใบพ้นน้ำก็ให้รีบนำลงปลูกในบ่อทันที การย้ายปลูกทำได้โดยการทุบกระถางใต้น้ำ หรือนำต้นอ่อนออกจากกระถางใต้น้ำ
1. การเพาะขยายพันธุ์บนบกด้วยกระถาง
ใช้กระถางพลาสติกหรือกระถางดินเผาที่ไม่มีรู มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 30 เซนติเมตร นำปุ๋ยคอกผสมดินปลูกที่ได้จากก้นบ่อธรรมชาติใส่ลงไปประมาณ ¾ ของกระถางปลูก จากนั้นก็ใส่น้ำให้เต็มล้นกระถาง โรยเมล็ดลงไปประมาณ 3-5 เมล็ด แล้วนำไปวางไว้ใต้ต้นไม้ที่มีแสงแดดรำไร ควรให้น้ำที่สะอาดเติมให้เต็มกระถางอยู่ตลอดเวลา ไม่ควรให้ปุ๋ยคอกมากเกินไป เก็บใบไม้ที่ร่วงทับถมเน่าเสียออกเสมอ เมื่อเมล็ดงอกขึ้นมามากกว่า 1 เมล็ดให้แยกปลูกในกระถางใหม่หรือกำจัดทิ้งเสีย และเมื่อเมล็ดแทงใบพ้นน้ำก็ให้รีบนำลงปลูกในบ่อทันที การย้ายปลูกทำได้โดยการทุบกระถางใต้น้ำ หรือนำต้นอ่อนออกจากกระถางใต้น้ำ
2. การเพาะขยายพันธุ์ในน้ำด้วยกระถาง
เป็นการวางกระถางขนาดเท่ากับวิธีแรกไว้ที่ก้นบ่อ วิธีนี้จะเหมาะกับแหล่งน้ำหรือบ่อดินที่มีความลึกไม่เกิน 1 เมตร โดยขุดดินก้นบ่อให้ลึกประมาณ ¾ ของกระถางก่อนวางลงไป และวางเมล็ดในกระถางให้มีระยะห่างพอควรประมาณ 3-5 เมล็ด การปลูกด้วยวิธีนี้ควรดูแลไม่ให้น้ำในบ่อเน่าเสีย น้ำที่ใสจะทำให้สังเกตการงอกของเมล็ดได้ง่าย แต่อาจใช้วิธีสัมผัสแทนก็ได้ถ้าน้ำขุ่นมาก การย้ายปลูกควรทำทันทีเมื่อเมล็ดงอกจนมีลำต้นสูงเหนือกระถาง หากยังไม่ได้ปลูกทันทีควรมีถังพลาสติกใส่น้ำเพื่อรองรับกระถางที่ย้ายขึ้นมาด้วยก่อนนำไปปลูก
เป็นการวางกระถางขนาดเท่ากับวิธีแรกไว้ที่ก้นบ่อ วิธีนี้จะเหมาะกับแหล่งน้ำหรือบ่อดินที่มีความลึกไม่เกิน 1 เมตร โดยขุดดินก้นบ่อให้ลึกประมาณ ¾ ของกระถางก่อนวางลงไป และวางเมล็ดในกระถางให้มีระยะห่างพอควรประมาณ 3-5 เมล็ด การปลูกด้วยวิธีนี้ควรดูแลไม่ให้น้ำในบ่อเน่าเสีย น้ำที่ใสจะทำให้สังเกตการงอกของเมล็ดได้ง่าย แต่อาจใช้วิธีสัมผัสแทนก็ได้ถ้าน้ำขุ่นมาก การย้ายปลูกควรทำทันทีเมื่อเมล็ดงอกจนมีลำต้นสูงเหนือกระถาง หากยังไม่ได้ปลูกทันทีควรมีถังพลาสติกใส่น้ำเพื่อรองรับกระถางที่ย้ายขึ้นมาด้วยก่อนนำไปปลูก
3. การแยกต้นอ่อน
วิธีการนี้จะใช้ได้ผลดี หากบ่อดินมีลักษณะตื้น และน้ำใสมองเห็นก้นบ่อ ทำได้โดยการหาต้นอ่อนใต้น้ำ และย้ายปลูกไปยังบ่ออื่นทันที
วิธีการนี้จะใช้ได้ผลดี หากบ่อดินมีลักษณะตื้น และน้ำใสมองเห็นก้นบ่อ ทำได้โดยการหาต้นอ่อนใต้น้ำ และย้ายปลูกไปยังบ่ออื่นทันที
4. การหว่านเมล็ด
วิธีนี้จะง่ายและประหยัดที่สุด และนิยมใช้กันมากที่สุด แต่ต้องมีแหล่งน้ำหรือบ่อดินที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของบัว ทำได้ด้วยการนำเมล็ดแก่มาหว่านในบ่อจำนวน 3 เมล็ดต่อระยะห่าง 5-10 เมตร
วิธีนี้จะง่ายและประหยัดที่สุด และนิยมใช้กันมากที่สุด แต่ต้องมีแหล่งน้ำหรือบ่อดินที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของบัว ทำได้ด้วยการนำเมล็ดแก่มาหว่านในบ่อจำนวน 3 เมล็ดต่อระยะห่าง 5-10 เมตร
โดยทั่วไปแล้ว บัวกระด้งจะใช้วิธีขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดเท่านั้น เพราะมีเพียงหัวเดียว ไม่มีการแตกหัว หรือแยกเหง้าเหมือนบัวสายพันธุ์อื่น และส่วนใหญ่มักขยายพันธุ์ได้เองตามธรรมชาติด้วยเมล็ดแก่ที่หล่นลงไปในน้ำ สำหรับเมล็ดที่ใช้ในการขยายพันธุ์ควรเป็นเมล็ดแก่สีน้ำตาลดำ ได้จากต้นบัวที่มีความแข็งแรง และมีลักษณะเด่นตามที่ต้องการ มีความทนทานปลูกเลี้ยงง่าย สามารถทนแดดทนฝนได้ดี ควรปลูกในบ่อกว้างๆ และไม่ควรมีพรรณไม้หรือวัชพืชอื่นขึ้นปะปน สภาพดินที่ใช้ปลูกบัวกระด้งต้องไม่มีความเป็นกรด ในน้ำควรมีออกซิเจนไม่ต่ำกว่า 4 มิลลิกรัม/ลิตร และมีออกซิเจนที่จุลินทรีย์ใช้ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำไม่เกิน 2 มิลลิกรัม/ลิตร ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการเจริญเติบโตของบัว
บัวกระด้ง เป็นบัวที่ไม่สามารถปลูกในกระถางได้เพราะมีขนาดใบที่ใหญ่ จึงเหมาะที่จะปลูกเป็นไม้ประดับไว้ในอ่างหรือสระน้ำ การขยายพันธุ์ก็ทำได้ค่อนข้างยาก จึงมักพบบัวชนิดนี้ได้ในหนองน้ำที่มีขนาดใหญ่ ส่วนเมล็ดก็นำมาทำเป็นอาหารต่างๆ ได้
การใช้พื้นที่อย่างมากในการปลูกบัวกระด้ง ทำให้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมของตลาดมากนัก และยังเพาะพันธุ์ได้ยาก อาจเสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากกว่าการปลูกบัวชนิดอื่นๆ ในการหาพื้นที่กว้างๆ หรือขุดบ่อขนาดใหญ่เพื่อปลูก แต่สำหรับธุรกิจการจัดสวน สนามกอล์ฟ และสำหรับคนที่มีฐานะร่ำรวย ก็ยังให้ความสำคัญของบัวชนิดนี้อยู่